
เปิดหัวซีเกมส์ด้วยงานหยาบ “นาทีบาป” เสือเหลืองตะปบช้างศึกทรุดคาผืนหญ้า
เอาเข้าจริงการเจอ มาเลเซีย ไม่ว่าชุดไหน สำหรับทีมชาติไทย แทบไม่เคยเป็นงานง่ายอยู่แล้ว เพื่อนบ้านอาเซียน ยังเป็นเหมือน “ป้าข้างบ้าน” ที่สร้างความรำคาญอยู่เสมอ
เสือเหลืองชุดนี้ภายใต้การคุมทีมของ แบรด มาโลนีย์ อาจไม่มีแข้งโควตา “อายุเกิน” มาประคองทีมเหมือนช้างศึก แต่ในแง่ความเข้าใจเกม การเล่นร่วมกัน ต้องยอมรับว่าพวกเขาทำได้ดีกว่าเรา
เอาแค่ช่วงต้นเกมที่ผู้เล่นเท่ากัน ทีมชาติไทย ก็ไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่ง ยังมีลูกตะกุกตะกัก จ่ายบอลเสียกันเองในพื้นที่อันตราย จนเกือบโดนลงโทษ 2-3 ครั้ง
แต่ก็นั่นแหละ ปฏิเสธไม่ได้ว่า “จุดเปลี่ยนสำคัญ” คือการโดนไล่ออกของ โจนาธาร เข็มดี จังหวะดังกล่าวเข้าใจว่า “ปอนด์” ชนภัทร บัวพันธ์ ที่ยืนเป็นตัวสุดท้าย ขยับไลน์ตัวเองขึ้นมา ขณะที่ โจนาธาร เองก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ยืนเป็น “ตัวสุดท้าย” จึงตัดสินใจตัดเกมด้วยการดึง จนเป็น Professional foul ทำให้ผู้ตัดสินควักใบแดงทันที
ความผิดพลาดในเกมรับ “เสี้ยววินาที” พลิกรูปเกมอย่างทันควัน อย่างไรก็ตามอีกหนึ่ง “จุดเปลี่ยน” อาจเป็นการตัดสินใจของ มาโน โพลกิง ที่เลือกถอด พาตริก กุสตาฟส์สัน ออก เพื่อส่ง อนุศักดิ์ ใจเพชร ลงมาอุดเกมรับ
ไม่รู้ว่า มาโน วาดภาพทีมหลังเหลือ 10 คนไว้เป็นรูปไหน แต่การขาดหายไปของ กุสตาฟส์สัน ทำให้ มาเลเซีย เล่นง่ายขึ้นทันที
เมื่อไม่มี “ตัวชน” คอยค้ำ สร้างปัญหาให้แนวรับเสือเหลือง ไลน์แบ็กโฟว์พวกเขากล้าดันตัวเองขึ้นมาสูงทันที เพราะตัวที่เหลืออย่าง แทงบอล หรือ เบน เดวิส แม้จะมีความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวที่ดี แต่ด้วยสรีระที่ไม่ได้ต่างกัน แนวรับมาเลเซียสามารถชน 1-1 หรืออย่างน้อยก็ตัดเกมได้ ในสถานการณ์ที่เจียนตัว
ที่สำคัญพวกเขามีผู้เล่นมากกว่า เกมจากนั้นเป็นไปตามคาด มาเลเซีย ใช้เกมริมเส้นตามถนัด วัด 1-1 กับแบ็กซ้าย-ขวาไทย แบบไม่กลัว ใช้ความได้เปรียบที่มีค่อย ๆ นวด จนเห็นจุดอ่อนเรา เกมรับที่ซ้อมด้วยกันไม่นาน เจอบี้ เจอเจาะหนัก ๆ สุดท้ายก็ต้านทานไม่ไหว
ติดตามข่าวสารได้ที่ backyardagora.com